ชินภัทร วิสุทธิแพทย์ |
CASE
STUDY |
สัญญาเช่าควบคุม |
หลังจาก ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 เรื่อง "ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้เช่า อาคารเพื่ออยู่อาศัยเป็น ธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2561" และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไปนั้น ปรากฏว่ามีคำถามตามมามากมายจาก ผู้ให้เช่า บ้าน / หอพัก / อาคาร / โรงงาน / สำนักงาน / ที่ดินทั้งที่ ให้เช่า อย่างเปิดเผยเป็นกิจการ และ แอบให้เช่า ที่ คิดไปเอง ว่ากฎหมายว่าด้วย สัญญาเช่าควบคุม ฉบับนี้กระทบต่อ สัญญาเช่า ของตน และมีความรับผิดตามกฎหมาย ตลอดจนโทษอาญาหรือไม่ เลยเถิดไปถึงว่าจะแก้ไขสัญญาเช่าเดิมอย่างไร ให้ไม่อยู่ใต้บังคับของ สัญญาเช่าควบคุม ผมจึงขอใช้พื้นที่นี้สร้างความเข้าใจ โดยศึกษาและวิเคราะห์จากกฎหมายและคำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้องกับ สัญญาเช่าควบคุม เพื่อลดความเข้าใจผิด และนำเสนอ ทางออก ใหม่เพื่อให้ สัญญาเช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัย เป็นธรรมมากขึ้น ทำไมต้องมี สัญญาเช่าควบคุม ? สัญญาเช่าควบคุม เกิดขึ้นตาม กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อกำหนด ประเภทธุรกิจ ที่ควบคุมสัญญาและ เนื้อหา และ ประเด็นต้องห้าม ของสัญญา ที่ต้องให้ความคุ้มครองผู้บริโภค (ผู้เช่า) ในการทำสัญญาที่ถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบการ สืบเนื่องจากที่ผ่านมา สัญญาเช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยมักจะเป็นสัญญาที่
ผู้ให้เช่า ร่างสัญญาที่ได้เปรียบ ผู้เช่า และสัญญาเช่านั้นมักถูกทำให้เป็น
สัญญาฉบับมาตรฐาน (Standard Form of Contract)ที่ผู้เช่าต้องตกลงยอมตามนั้นโดยไม่ได้รับความเป็นธรรมและไม่สามารถแก้ไขได้
อีกทั้งยังมีการกำหนดบังคับให้ผู้เช่าต้องรับผิดมากเกินไปอันเป็นการเอาเปรียบหรือทำให้ผู้เช่าต้องรับภาระ คณะกรรมการว่าด้วยสัญญาตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคจึงได้ประกาศ สัญญาเช่าควบคุม ออกมาเพื่อคุ้มครองให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภค (ผู้เช่าอาคารอยู่อาศัย) ในการทำสัญญาเช่า สัญญาเช่าอะไรบ้างเป็น สัญญาเช่าควบคุม ? สัญญาเช่าควบคุม กำหนดให้ ธุรกิจการให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัย เป็นธุรกิจที่ถูกควบคุมการทำสัญญาทั้ง เนื้อหาและ ข้อความ ตลอดจน ข้อตกลง ต่างๆ ในสัญญาเช่าเพื่อมิให้ผู้ให้เช่าเอาเปรียบผู้เช่ามากจนเกินไป เมื่อพิเคราะห์จากกฎหมายนี้ พบว่า ธุรกิจที่ควบคุมสัญญา เป็นสัญญาเฉพาะธุรกิจเพื่อ ให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัย เท่านั้น ซึ่งรวมถึงห้องพัก บ้าน อาคารชุด อพาร์ตเม้นท์ หรือสถานที่พักอาศัยที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่จัดขึ้น สําหรับการให้เช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย แต่ไม่รวมถึงหอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก และโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม ซึ่งมีกฎหมายเฉพาะกำกับดูแลไว้ต่างหากแล้ว ประเด็นที่น่าสนใจ คือ กฎหมายกำหนดให้ ธุรกิจเพื่อให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัย อยู่ในความหมายอย่างแคบเฉพาะที่ บุคคลธรรมดา คือ ผู้เช่าเพื่ออยู่อาศัย รวมถึง ผู้เช่าช่วง ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาด้วย (End User) โดยไม่คำนึงถึงว่า ผู้ให้เช่า จะเป็น นิติบุคคล หรือ บุคคลธรรมดา นอกจากนั้น อาคารเพื่ออยู่อาศัยจำกัดเฉพาะที่ได้จัดแบ่งสำหรับให้เช่าตั้งแต่ 5 หน่วยขึ้นไป (ไม่ว่าจะแยกอาคารหรือรวมอยู่ในอาคารเดียวกัน) ใครบ้างได้รับผลกระทบจาก สัญญาเช่าควบคุม แน่นอนที่สุด กฎหมายใหม่นี้กำหนดให้สัญญาเช่าไม่เอาเปรียบผู้เช่ามากจนเกินไป ดังนั้น ผู้ให้เช่า ที่ปล่อยเช่าที่อยู่อาศัยไม่ว่า จะเป็นบริษัทหรือ บุคคลธรรมดาจะอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายนี้ เช่น ผู้ให้เช่าที่เป็นบุคคลธรรมดา บริษัท มูลนิธิ สมาคม สหกรณ์ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ นิติบุคคลอื่น ฯลฯ ทั้งนี้ไม่ได้จำกัดว่า ผู้ให้เช่า อาคารเพื่ออยู่อาศัย จะมีสัญชาติไทย หรือ มีสัญชาติต่างประเทศ หรือเป็นนิติบุคคลต่างประเทศที่มีอาคาร ให้เช่าเพื่ออยู่อาศัยในประเทศไทย ที่สำคัญ หากผู้ให้เช่าไม่ได้ทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือ กฎหมายนี้ย่อมไม่มีผลบังคับถึงสัญญาเช่าที่ตกลงกันด้วยวาจ ในทางปฏิบัติ มีผู้ให้เช่าจำนวนมาก ให้เช่าที่อยู่อาศัยโดยไม่มีสัญญาเช่าทำเป็นหนังสือ เพราะกฎหมายเรื่องเช่าไม่ได้บังคับให้การเช่าต้องทำสัญญาเป็นหนังสือเพียงแต่กำหนดว่าหาก เช่าอสังหาริมทรัพย์แล้วไม่ได้มีหลักฐาน เป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดจะฟ้องร้องบังคับคดีกันไม่ได้และหากเช่าอสังหาริมทรัพย์กันเกินกว่า 3 ปีโดยไม่ได้จดทะเบียนไว้กับพนักงานเจ้าหน้าที่ ย่อมฟ้องร้องบังคับกันได้เพียง 3 ปีเท่านั้น ดังนั้น ผู้ให้เช่าที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจาก สัญญาเช่าควบคุม นี้ คือ ผู้ให้เช่าที่ ทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือ ใครบ้างไม่ได้รับผลกระทบจาก สัญญาเช่าควบคุม เมื่อพิเคราะห์กฎหมายฉบับนี้แล้ว พบว่า
ผู้ให้เช่า ในลักษณะอื่นที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับของ สัญญาเช่าควบคุม
น่าจะมีผู้ให้เช่าอาคาร 1) อาคารสำนักงาน / อาคารพาณิชย์ ตัวอย่างคำถามที่ถามมาจากเวทีงานบรรยายต่างๆ เช่น 1) สัญญาเช่าควบคุมใช้กับทรัพย์สินประเภทใดบ้าง
? ให้เช่าทรัพย์สินประเภทใดไม่ต้องทำตาม สัญญาเช่าควบคุม ? ผมขอตอบคำถามและวิเคราะห์ผลกระทบต่างๆ ดังนี้ 1) สัญญาเช่าควบคุมใช้กับทรัพย์สินประเภทใดบ้าง
? ให้เช่าทรัพย์สินประเภทใดไม่ต้องทำตาม สัญญาเช่าควบคุม นอกจากนั้นกฎหมายนี้ คุ้มครองผู้เช่าที่เป็น
บุคคลธรรมดาเท่านั้นหากผู้เช่าเป็น นิติบุคคลหรือ บริษัท 2) หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย สัญญาเช่าควบคุมมีความรับผิดและโทษทางอาญาอะไรบ้าง ? ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า สัญญาเช่าควบคุมนำมาใช้บังคับตาม
กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษทางอาญา (ทั้งปรับเป็นเงิน
ค่าปรับและ/หรือจำคุก) สัญญาเช่าควบคุมอยู่ภายใต้ การคุ้มครองผู้บริโภคในด้านสัญญา
(มาตรา 35 ทวิพรบ. คุ้มครองผู้บริโภค) มีกฎหมายกำหนดไว้เป็นสาระสำคัญว่า
ก. ใช้ข้อสัญญาที่จำเป็นซึ่งหากมิได้ใช้ข้อสัญญาเช่นนั้นจะทำให้ผู้บริโภคเสียเปรียบผู้ประกอบการธุรกิจเกินสมควร นอกจากนั้นหาก ผู้ประกอบธุรกิจหรือ
เมื่อวิเคราะห์ ความรับผิดทางอาญา ถึงกระนั้นก็ตามอย่าชะล่าใจเพราะมีกฎหมายประเด็นอื่นกำหนดไว้เกี่ยวข้องกับ
สัญญาเช่าควบคุมเป็นสำคัญ เมื่อคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาได้กำหนดให้สัญญาของธุรกิจประเภทใดเป็น
ธุรกิจที่ควบคุมต้องใช้ สัญญาควบคุม และ (มาตรา 35 จัตวาพรบ. คุ้มครองผู้บริโภค)
กรณีที่มี ข้อสัญญาอื่นที่ไม่เป็นไปตาม สัญญาควบคุมเช่นประเด็นต้องห้ามต่างๆ
เมื่อวิเคราะห์บทบาทของกฎหมายทั้งสองประเด็นนี้จะเห็นได้ว่ากฎหมายนี้เข้ามา
ควบคุมดูแลเนื้อหาของสัญญาใน 2 กรณีคือ ก. หาก ทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือ แต่ไม่ใช้ ข. หากสัญญาเช่าที่ทำขึ้นมานั้นกำหนด
ประเด็นต้องห้ามไว้ในสัญญากฎหมายถือว่า ประเด็นต้องห้ามที่ระบุไว้ใน ประเด็นที่น่าสนใจและต้องหาคำตอบต่อไปคือหากไม่ทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือแต่เช่ากันด้วยวาจาจะอยู่ภายใต้กฎหมาย สัญญาเช่าควบคุมหรือไม่ ? ผมมองกรณีนี้ว่าสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์
(รวมที่อยู่อาศัยด้วย) ไม่มี แบบของสัญญาหรือ แบบตามกฎหมายที่บังคับให้ต้อง อย่างไรก็ตามหากต้องการฟ้องร้องบังคับคดีกันตามสัญญาเช่าที่อยู่อาศัยโดยทำ
สัญญาเช่าด้วยวาจาจะไม่สามารถทำได้เพราะไม่มี เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสําคัญท่านว่าจะ ถ้าเช่ามีกําหนดกว่าสามปีขึ้นไปหรือกําหนดตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าไซร้หากมิได้ทําเป็นหนังสือและจดทะเบียน ดังนั้นผู้ให้เช่าจึงควรทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือโดยปฏิบัติตาม
สัญญาเช่าควบคุมและให้ผู้เช่าลงลายมือชื่อไว้ด้วยเพราะกฎหมาย ผลของประเด็นนี้คือผู้ให้เช่าควร ชั่งน้ำหนักระหว่างผลได้ผลเสียของการทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือและปฏิบัติตาม
สัญญาเช่าควบคุม 3) หากทำ สัญญาซ่อนกันไว้อีกฉบับที่ขัดต่อ สัญญาเช่าควบคุมใช้บังคับได้หรือไม่ ? ประเด็นนี้การทำ สัญญาสองฉบับเพื่อปกปิดสัญญารายหนึ่งโดยนำเสนอสัญญาอีกรายหนึ่งอาจเป็น
นิติกรรมอำพรางได้และผลของ การแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งเป็นโมฆะแต่จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้กระทําการโดย ถ้าการแสดงเจตนาลวงตามวรรคหนึ่งทำขึ้นเพื่ออำพรางนิติกรรมอื่นให้นำบทบัญญัติของกฎหมายอันเกี่ยวกับนิติกรรม จากคำถามนี้การทำ สัญญาซ่อนกันไว้ไม่ผูกพันตามกฎหมายเพราะเป็นโมฆะที่สำคัญคือเมื่อต้องฟ้องร้องบังคับคดีกันแล้วไม่สามารถ หากนำ สัญญาหลอกมาฟ้องร้องกันเมื่อศาลพิสูจน์พยานหลักฐานแล้วพบว่ามีการทำ
นิติกรรมอำพรางระหว่างคู่สัญญาเพื่อหลีกเลี่ยง ดังนั้นกรณี สัญญาซ่อนนี้หากต้องการฟ้องร้องกันในอนาคตต้องคำนึงด้วยว่าศาลท่านไม่รับฟ้องแน่นอนด้วยเหตุที่คู่สัญญามาศาลด้วย
4) สัญญาเช่าที่ได้ทำก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 อยู่ในข่ายต้องแก้ไขให้เป็นไปตาม สัญญาเช่าควบคุมหรือไม่ ? สัญญาเช่าควบคุม_กฎหมายกำหนดให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่
1 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไปตามปกติกฎหมายจะบัญญัติให้มีผลบังคับย้อนหลัง
ฉะนั้นสัญญาเช่าที่ทำขึ้นก่อนหน้านั้นจะอย่างไร ? ผมมองว่าสัญญาเช่าที่ทำขึ้นก่อนวันที่
1 พฤษภาคม 2561 ยังคงใช้บังคับกันได้ต่อไปและไม่จำเป็นต้องยกเลิกสัญญาเช่าเดิมเพื่อมาทำสัญญา อย่างไรก็ตามหากมีการฟ้องร้องคดีสัญญาเช่าที่ทำขึ้นมาก่อนวันที่
1 พฤษภาคม 2561 โดยมีเนื้อหาต่างจาก สัญญาเช่าควบคุมที่ใช้บังคับใน
"ตามพ.ร.บ. ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมพ.ศ.
2540 บัญญัติว่า "พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่นิติกรรมหรือสัญญาที่ทำขึ้น กรณี กฎหมายข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมนี้มีบทบัญญัติของกฎหมายระบุไว้ชัดเจนและต่างจาก
กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคเรื่องสัญญาควบ ผมมองว่าหากมีคดีฟ้องร้องต่อกันที่ศาลเกี่ยวกับสัญญาเช่าเดิมที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ศาลต้องนำ
กฎหมายที่ใช้บังคับกันอยู่ (Applicable Laws) 5) แนวทางการปรับปรุง สัญญาเช่าเดิมให้เป็นไปตาม สัญญาเช่าควบคุมโดยไม่เสียหายในเชิงเศรษฐกิจ ? ประเด็นการปรับปรุง สัญญาเช่าเดิมให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่นี้ผมขอสรุปเป็นแนวทางเกี่ยวกับ ค่าตอบแทนในสัญญาเช่าไว้ดังนี้ 1. การเรียกเก็บเงินล่วงหน้าค่าเช่าล่วงหน้าเกินกว่า
1 เดือนนำ ค่าเช่าล่วงหน้าที่เกิน 1 เดือนมาเฉลี่ยเป็นค่าเช่ารายเดือนตลอดอายุสัญญาเช่า
2. เพิ่มหลักประกันอื่นที่ไม่ใช่ เงินประกันการเช่าค่าไฟฟ้า/น้ำประปาผู้ให้เช่ากำหนดค่าไฟฟ้า/น้ำประปาเกินกว่าต้นทุนของผู้ให้เช่าเพิ่มค่าบริการ หวังว่า สัญญาเช่าควบคุมที่ผมนำเสนอนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ
ผู้เช่าที่เป็นผู้บริโภคและอยู่ภายใต้การคุ้มครองของ |
taxtanktv.com
| แหล่งรวมความรู้เกี่ยวกับกฎหมายธุรกิจและภาษี โดย ชินภัทร วิสุทธิแพทย์
| คำจำกัดสิทธิ
| Chinapat Visuttipat |
Facebook
:TaxTank
| Youtube : TAX
TANK TV | รวมคำคม
| รวมภาพชินภัทร
| Contact Us : taxtanktv@gmail.com |
March
2018 - Present (C) All Rights Reserved |